099-999-9999  
INeedcomputer99@gmail.com

99/9 หมู่ 9 ถ.สังฆสันติสุข เขตหนองจอก แขวงกระทุ่มราย
จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10530

CPU คืออะไร  ซีพียูคอม สำคัญอย่างไรบ้าง?

CPU ย่อมาจาก Central Processing Unit ซึ่งซีพียูหมายถึง ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผลและดำเนินการคำสั่งตามผู้ใช้งาน ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่น ยิ่งได้ซีพียูที่ทำได้ไวจะช่วยส่งผลต่อความเร็วของการทำงานคอมพิวเตอร์ จึงทำให้หลายคนใส่ใจกับการเลือกซื้อซีพียูที่เหมาะกับการทำงานและการเล่นเกม

CPU ทำหน้าที่อะไร? ช่วยในการทำงานในด้านไหน

 

หน้าที่ของ CPU  เปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและคำสั่งต่าง ๆ ที่ได้รับจากโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ เปรียบเสมือนผู้ควบคุมและสั่งการให้ส่วนประกอบอื่น ๆ ของคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีระบบ หน้าที่หลัก ๆ ของ CPU แบ่งออกได้เป็น 3 อย่างไม่ว่าจะเป็

1. ควบคุมการทำงาน

CPU ทำหน้าที่ดึงคำสั่งจากหน่วยความจำ (RAM) ถอดรหัส และประมวลผลตามลำดับขั้นตอน ควบคุมการทำงานของโปรแกรมต่าง ๆ บนระบบปฏิบัติการ

2. ประมวลผลข้อมูล

CPU ทำหน้าที่คำนวณ เปรียบเทียบ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ตัวเลข รูปภาพ วิดีโอ เสียง ฯลฯ

3. จัดการ Input/Output

CPU ทำหน้าที่รับข้อมูลจากอุปกรณ์ Input ต่าง ๆ เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ สแกนเนอร์ ไมโครโฟน และส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ Output ต่าง ๆ เช่น จอภาพ ลำโพง เครื่องพิมพ์

 

เมนบอร์ดคืออะไร มีหน้าที่สำคัญกับคอมพิวเตอร์มากแค่ไหน

 

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชื่อของเมนบอร์ดเป็นที่รู้จักของทุกคนอย่างแน่นอน แต่หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าเมนบอร์ด คืออะไร มีหน้าที่อะไร ดังนั้นวันนี้เรามารู้จักให้ชัดก่อนเลือกไปใช้กันดีกว่า

โดยเมนบอร์ด คือ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มาพร้อมชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น หน่วยความจำแคช โปรเซสเซอร์ซ็อกเกต จัมเปอร์ พอร์ต หน่วยความจำ ชิปเซต สล็อตการ์ดขยาย ชิปไบออส ชิปซีมอส และอีกหลากหลายชิ้นส่วน บางครั้งก็เรียกกันว่ามาร์เธอร์บอร์ด (Motherboard) ซิสเท็มบอร์ด (System Board) หรือลอจิกบอร์ด (Logic Board) ตามความสะดวกของแต่ละคน

หน้าที่หลักของเมนบอร์ด คือ การสั่งการ ควบคุม จัดการ การทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้ทุกส่วนเกิดการเชื่อมโยงกัน นิยามว่าเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์ก็ว่าได้ ดังนั้นถ้าเลือกเมนบอร์ดที่มีคุณภาพมาใช้ ก็จะช่วยให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณลื่นไหลมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

ขนาดของ Mainboard ที่คุณต้องรู้ให้ชัดก่อนเลือกมาใช้

สำหรับขนาดของเมนบอร์ดนั้นมีผลกับการใช้งาน และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ราคา เมนบอร์ดแตกต่างกัน ซึ่งในตอนนี้มีทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกันที่คนนิยมใช้มากที่สุด โดยขนาดของเมนบอร์ดมีกี่ประเภท อะไรบ้างมาดูกัน

1. Mini-ITX

ชื่อเต็มของเมนบอร์ด CPU ตัวนี้คือ Mini Information Technology eXtended มาพร้อมขนาด 170 x 170 มม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการใช้ประกอบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพา แน่นอนว่ามาพร้อมราคาประหยัด อัปเกรดสเปคให้สูงขึ้นได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเป็นเมนบอร์ด AMD หรือยี่ห้ออื่น ๆ ก็สามารถใช้ขนาดนี้เล่นเกมได้ลื่นไหลแน่นอน

2. Micro-ATX

ตัวนี้คือ Micro Advanced Technology eXtended มาพร้อมขนาด 244 x 244 มม. เหมาะกับคอมพิวเตอร์ที่เลือกใช้เมนบอร์ด พร้อม CPU และการ์ดจอเพียงตัวเดียว ซึ่งจะเป็นคอมพิวเตอร์ประกอบที่ขนาดไม่ใหญ่มาก อัปเกรดอุปกรณ์อื่นเพิ่มได้ มีราคาหลากหลาย ทำให้จัดสเปคได้เร็วแรงตามที่ต้องการ

3. ATX

Advanced Technology eXtended มาพร้อมขนาด 305 x 244 มม. ถือว่าเป็นตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น Mainboard AM4 หรือตัวเลือกอื่นก็มักจะมีขนาดนี้ให้คุณได้เลือก เป็นต้นแบบของการออกแบบบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กอีกหลายตัว ถ่ายเทความร้อนได้ดี รองรับ RAM ตัวใหญ่ได้ อัปเกรดอุปกรณ์ได้ แต่อาจต้องการพื้นที่ในการวางเคสอยู่พอสมควร เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนมีงบ

4. E-ATX

Extended ATX ที่มาพร้อมขนาดใหญ่ที่สุดคือ 305 x 330 มม. ข้อดีของตัวนี้คือใส่ RAM ได้มากขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น อัปเกรดอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แบบจัดเต็ม สิ่งเดียวที่ด้อยกว่าตัวอื่นคือ ใช้พื้นที่เคสมากขึ้น ราคาสูงกว่าตัวอื่น แต่ถ้าใครต้องการสเปคสูงบอกเลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

 

การ์ดจอ คืออะไร มีหน้าที่อะไร
ทำไมถึงต้องใช้สำหรับงานกราฟิกและเล่นเกม

การ์ดจอ (Graphic Card) หรือที่เรียกอีกอย่างว่าหน่วยประมวลผลกราฟิก (Graphics Processing Unit: GPU) หรือ Display Card การ์ดจอ คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำไปแสดงผลบนจอคอมพิวเตอร์ โดยหลักการทำงานเบื้องต้นเริ่มจากการรับข้อมูลและคำสั่งที่ได้จากซีพียูมาประมวลผลให้เรียบร้อย หลังจากนั้นการ์ดจอจะนำข้อมูลที่ประมวลผลได้ ส่งไปยังจอคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงภาพออกมา

โดยการ์ดจอมีความสำคัญต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้งานที่ต้องใช้กราฟิกระดับสูง เช่น การเล่นเกม การตัดต่อวิดีโอ การออกแบบกราฟิก เป็นต้น หากไม่มีการ์ดจอ คอมพิวเตอร์ก็จะไม่สามารถแสดงผลภาพได้ หรือหากมีการ์ดจอแต่มีความแรงไม่เพียงพอ การใช้งานคอมพิวเตอร์ก็จะมีประสิทธิภาพต่ำลง เช่น เล่นเกมแล้วภาพกระตุก ตัดต่อวิดีโอแล้วช้า เป็นต้น

ประเภทของการ์ดจอ ที่น่าสนใจ และตรงกับการใช้งาน

 

การ์ดจอ หรือ Graphics Card หรือ GPU (Graphics Processing Unit) หรือ VGA Card คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ประมวลผลกราฟิกของเครื่องคอมพิวเตอร์ ช่วยให้สามารถแสดงผลภาพต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างสวยงามและสมจริง การ์ดจอมีด้วยกัน 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

การ์ดจอออนบอร์ด (Integrated Graphics) 

การ์ดจอออนบอร์ด เป็นการ์ดจอที่ติดตั้งรวมกับซีพียู (CPU) บนเมนบอร์ด ทำให้ไม่จำเป็นต้องซื้อแยก การ์ดจอออนบอร์ดมีราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิกจะต่ำกว่าการ์ดจอแยก 

การ์ดจอออนบอร์ด 

เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต ทำงานเอกสาร ฯลฯ แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกสูง เช่น เล่นเกม ทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ

การ์ดจอแยก (Discrete Graphics) 

เป็นการ์ดจอที่ซื้อแยกจากเมนบอร์ด มีประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิกสูงกว่าการ์ดจอออนบอร์ดมาก 

การ์ดจอแยก 

เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพกราฟิกสูง เช่น เล่นเกม ทำงานกราฟิก ตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ การ์ดจอแยกมีราคาสูงกว่าการ์ดจอออนบอร์ด และกินไฟมากกว่าการ์ดจอออนบอร์ด

นอกจากนี้ การ์ดจอแยกยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ตามประสิทธิภาพการใช้งานได้อีกด้วย เช่น 

  • การ์ดจอระดับเริ่มต้น (Entry-level) เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ใช้งานอินเทอร์เน็ต ทำงานเอกสาร หรือเล่นเกมทั่วไป 

  • การ์ดจอระดับกลาง (Mid-range) เหมาะสำหรับการใช้งานระดับกลาง เช่น เล่นเกมระดับกลาง ทำงานกราฟิกระดับพื้นฐาน หรือตัดต่อวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 

  • การ์ดจอระดับสูง (High-end) เหมาะสำหรับการใช้งานระดับสูง เช่น เล่นเกมระดับสูง ทำงานกราฟิกระดับมืออาชีพ หรือตัดต่อวิดีโอความละเอียดระดับ 4K

การ์ดจอค่ายเขียว การ์ดจอค่ายแดง คืออะไร?

การ์ดจอค่ายเขียวและค่ายแดงคือสองแบรนด์การ์ดจอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทั้งสองแบรนด์ต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้

การ์ดจอ NVIDIA  หรือ การ์ดจอค่ายเขียว

การ์ดจอ Nvidia เป็นผู้นำตลาดการ์ดจอมานานหลายปี โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่รุ่นสำหรับเล่นเกมระดับไฮเอนด์ไปจนถึงรุ่นสำหรับผู้บริโภคทั่วไป การ์ดจอ NVIDIA เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น Ray Tracing และ DLSS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การเล่นเกม การตัดต่อวิดีโอ การสร้างภาพสามมิติ 

การ์ดจอ AMD หรือ การ์ดจอค่ายแดง

การ์ดจอ AMD เรามักจะรู้จักกันในชื่อ Radeon เป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพที่คุ้มค่า มักจะเสนอราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Nvidia โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพมากนัก การ์ดจอ AMD ยังมีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานน้อยกว่าการ์ดจอ NVIDIA ซึ่งสามารถมีความสำคัญต่อระบบที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่า เหมาะสำหรับการเล่นเกม การตัดต่อวิดีโอ และงานสร้างสรรค์อื่น ๆ

ทั้งนี้ การ์ดจอค่ายเขียวและค่ายแดงต่างก็มีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง การเลือกการ์ดจอที่ดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ท้ายที่สุดแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือเปรียบเทียบการ์ดจอแต่ละรุ่นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

สายจอคอม VGA จำเป็นหรือไม่ 

สายจอคอม VGA เป็นสายรุ่นเก่าที่ไม่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีจอภาพและอุปกรณ์ต่อพ่วงมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จอภาพรุ่นใหม่ ๆ มักรองรับสัญญาณดิจิตอล ทำให้จำเป็นต้องใช้สายจอคอมประเภทอื่น ๆ แทน หากคอมพิวเตอร์หรือจอภาพของคุณรองรับสัญญาณดิจิตอลแล้ว คุณสามารถเลือกใช้สายจอคอมประเภทอื่น ๆ เช่น HDMI, DisplayPort หรือ DVI ซึ่งจะให้ภาพที่มีความละเอียดและคุณภาพดีกว่าสายจอคอม VGA

RAM คืออะไร ทำไมถ้าอยากได้สเปคแรง ต้องเลือกให้ดี

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อย่าง RAM นั้นเชื่อว่าเป็นชื่อที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้มีเอาไว้เพื่อซัพพอร์ตการใช้งานแบบไหน เรามารู้จักให้มากขึ้นกันก่อน โดย RAM ย่อมาจาก Random-Access Memory ซึ่ง RAM คืออะไร คำตอบคือ เป็นหน่วยความจำหลัก ทำให้ RAM หน้าที่นั้นคือ การเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้เร็วมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต โน๊คบุ๊คหรือคอมพิวเตอร์ก็จะต้องมีอุปกรณ์ชิ้นนี้เพื่ออ่าน และเขียนคำสั่ง ส่งไปยังหน่วยความจำไม่ต่างกัน

แรม คืออะไร นิยามได้ว่าเป็นการทำงานแบบหน่วยความจำชั่วคราว หรือ Short-Term Memory การทำงานของแรม คือ เขียนหรือบันทึกข้อมูลแบบสุ่มไปยังตำแหน่งต่าง ๆ อย่างอิสระ ทำงานต่างจากหน่วยความจำแบบอื่นตรงที่เมื่อมีการตัดกระแสไฟฟ้า ข้อมูลใน RAM โน๊ตบุ๊ค และอุปกรณ์อื่น ๆ ก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์ด้วย อุปกรณ์นี้จะประมวลผลเฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น

แรมทำงานอย่างไร มีเยอะเข้าไว้ทำไมถึงดี

 

เรามาดูเส้นทางการทำงานของ RAM กันดีกว่าว่าทำงานอย่างไร RAM น้อยมีผลอย่างไร และถ้ามีเยอะ ๆ จะดีกว่าได้แบบไหน เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกใช้ RAM คอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับคุณได้มากที่สุด

หน้าที่หลักของ RAM

RAM ราคาต่าง ๆ จะเข้ามาทำหน้าที่ในการเก็บชุดคำสั่ง ข้อมูล ในตอนที่ระบบของคอมพิวเตอร์กำลังทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการ Input เพื่อเป็นพื้นที่ในการรับข้อมูลมาจากอุปกรณ์รอส่งต่อให้ซีพียู การ Working เพื่อเก็บข้อมูลที่รับมารอการประมวลผล การ Output เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ซีพียูประมวลผลแล้วรอส่งไปยังหน่วยที่รับคำสั่งมา และการ Program เพื่อเก็บชุดคำสั่งไว้ รอให้ซีพียูเรียกไปใช้งานกันต่อไป

RAM เข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม

การเข้าถึงข้อมูลของอุปกรณ์ชิ้นนี้นั้นจะเข้าถึงแบบสุ่ม หรือเรียกกันว่า Random Access นั่นหมายความว่าซีพียูจะสามารถเข้าถึงทุกส่วนของหน่วยความจำ หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้โดยตรง เพื่อที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มความเร็วทั้งเรื่องการอ่านและเขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

RAM เข้าถึงข้อมูลได้ทันที

เมื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำหลัก ทำให้มีความสามารถที่จะเข้าถึงหน่วยความจำต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ต้องผ่านฮาร์ดไดรฟ์ หรือพวก Direct Access Memory ให้เสียเวลา ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณนั้นสามารถสลับทำงานไปมาได้อย่างราบรื่น การใช้งานเร็วขึ้น ดังนั้นการเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นสำหรับคุณ

RAM ยิ่งมีเยอะยิ่งดี

ในปัจจุบันก็แรม 8GB ถือว่าเพียงพอและตอบโจทย์สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไปแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการความเร็วแรงที่ลื่นไหล RAM 16GB ขึ้นไปก็จะตอบสนองการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ยิ่งถ้าเป็นงานกราฟิก ตัดต่อ เล่นเกมที่ความละเอียดสูง ๆ แรม 32GB ราคาอาจจะแพง แต่ก็คุ้มค่ากับการใช้งานแน่นอน

แรม คอมมีกี่ประเภท เลือกใช้แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด

RAM นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน คือ Static RAM (SRAM) และ Dynamic RAM (DRAM) โดยแต่ละตัวเหมาะกับการเลือกไปใช้งานแบบไหนมากที่สุด เรามาเก็บข้อมูลไปพร้อมกัน และนำไปใช้ต่อกันได้เลย

1. Static RAM (SRAM)

เอสแรมเป็นหน่วยความจำที่พัฒนามาจากทรานซิสเตอร์ สามารถใช้ในการรักษาข้อมูลไว้ในหน่วยความจำตลอดเวลาที่มีไฟฟ้าเลี้ยงอยู่ ทำงานในแบบที่ไม่ต้องมีการเขียนข้อมูลลงไปซ้ำหลายครั้ง มาพร้อมความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล แต่ถือว่าราคาสูง และจุข้อมูลได้ไม่เยอะ 

2. Dynamic RAM (DRAM)

ดีแรมเป็นหน่วยความจำที่ราคาถูกกว่า ต้องมีไฟเลี้ยงเพื่อทำงานอยู่ตลอด และยังต้อง Refresh เป็นระยะเพื่อเตือนความจำ โดยใช้หลักการ MOS นั่นเอง ถ้าไม่มีการ Refresh บ่อย ๆ ประจุจะค่อย ๆ รั่วออก ดังนั้นเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงต้อง Refresh นั่นเอง